ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาวได้จริงมั้ย มีกี่แบบ แล้วทำที่ไหนดีนะ???

          ฟอกสีฟัน หรือฟอกฟันขาว ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน และเห็นผลทันทีหลังการฟอกสีฟันว่ามีความขาว สว่างขึ้นของสีฟัน (ฟอกสีฟันที่คลินิก) อีกทั้งการฟอกสีฟันก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ฟันเกิดความสวยงาม แก้สีของฟัน ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันคนทั่วไปยังนิยมทำอยู่เรื่อยๆ

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว มีกี่แบบ

ฟอกสีฟัน ทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ โดยวิธีการเลือกแต่ละแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล แนะนำให้มาปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกก่อนเลือกวิธีการทำ

  1. ฟอกสีฟันที่คลินิก (Office bleaching) ด้วยระบบแสงเย็น (Cool light) : ทำที่คลินิกภายใต้การดูแลโดยทันตแพทย์
  2. ฟอกสีฟันที่บ้าน (Home bleaching) : ได้รับอุปกรณ์ น้ำยาฟอกสีฟันที่บ้าน พร้อมทั้งคำแนะนำจากทันตแพทย์ ไปทำการฟอกสีฟันเองที่บ้าน

ฟอกสีฟันที่คลินิก (Office bleaching)

     เป็นวิธีการฟอกสีฟันที่ได้รับความนิยม เนื่องจากใช้เวลาในการทำไม่นานประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง โดยใช้สารเคมีจำพวกเปอร์ออกไซด์ความเข้มข้น 38-40% ในการเข้าไปทำให้สีในชั้นเนื้อฟันแตกตัวออก หลังการฟอกสีฟัน สามารถเห็นผลได้ทันทีว่าสีฟันมีความขาว สว่างขึ้น โดยมีขั้นตอนการทำ คือ

  1. ทันตแพทย์ทำการตรวจประเมินสภาพช่องปากก่อนทำการฟอกสีฟัน ในคนไข้บางคนถ้ามีการสะสมของคราบจุลินทรย์หรือหินปูนอยู่ จำเป็นต้องได้รับการรักษาขูดหินปูน ขัดฟันก่อนการฟอกสีฟัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการฟอกสีฟันให้ดียิ่งขึ้น
  2. จากนั้นทันตแพทย์จะทำการเทียบเฉดสีฟันปัจจุบันของคนไข้ก่อนการฟอกสีฟันเพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการเปรียบเทียบหลังการฟอกสีฟันว่ามีความขาวสว่างขึ้นกี่ระดับ
  3. ทันตแพทย์จะทำการใส่อุปกรณ์เพื่อกั้น เหงือก ริมฝีปาก และเนื้อเยื่อรอบๆของคนไข้ก่อนการลงน้ำยาฟอกสีฟัน หลังจากนั้นจะทำการลงน้ำยาฟอกสีฟันให้ทั่วตัวฟัน และใช้แสงเย็น Cool light ในการกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอก ทำซ้ำ 2-3 รอบ รอบละ 15 นาที
  4. หลังฟอกสีฟันเสร็จ ทันตแพทย์จะล้างน้ำยาฟอกสีฟัน รวมถึงถอดอุปกรณ์ในการฟอกสีฟันออก ทั้งหมด เทียบสีฟันหลังการฟอกสีฟันให้คนไข้เห็น และให้คำแนะนำกับคนไข้หลังการฟอกสีฟัน

ข้อดีและข้อเสียของการฟอกสีฟันที่คลินิก

ข้อดี

  • สะดวกสบายและปลอดภัย เนื่องจากทันตแพทย์เป็นผู้ทำให้
  • เห็นผลได้ทันที รวดเร็ว ฟันจะมีความขาวสว่างขึ้นทันทีหลังทำการฟอก เหมาะกับบุคคลที่ต้องการความขาวสว่างของฟันเร่งด่วน

ข้อเสีย

  • มีความเสี่ยงที่จะเสียวฟันมากกว่าการฟอกสีฟันที่บ้าน เนื่องจากใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่ความเข้มข้น มากกว่า
  • เสี่ยงต่อการเกิดแผลที่เหงือกเล็กน้อยจากการใช้น้ำยาฟอกที่เข้มข้น แต่สามารถหายได้เองภายในระยะเวลา 7 วัน

ฟอกสีฟันที่บ้าน (Home bleaching)

     เป็นการฟอกสีฟัน โดยคนไข้จะต้องมาที่คลินิกทำการพิมพ์ปาก เพื่อให้ได้ถาดฟอกสีฟันซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงในคนไข้แต่ละคน พร้อมทั้งน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นประมาณ 10-15% ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับการฟอกสีฟันที่คลินิกไปฟอกด้วยตนเองที่บ้าน โดยให้ใส่เครื่องมือในเวลานอน ทุกคืนเป็นเวลา 10-14 ชั่วโมง

ข้อดีและข้อเสียของการ ฟอกสีฟันที่บ้าน

ข้อดี

  • มีความเสี่ยงต่อการเสียวฟันน้อยกว่า เนื่องจากใช้สารเคมีเข้มข้นน้อย เหมาะกับคนที่เสียวฟันง่าย
  • สามารถปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองได้ง่าย โดยสามารถปรับระยะเวลาที่ใส่ หรือปรับปริมาณน้ำยาฟอกสีฟัน กรณีที่เสียวฟัน
  • สีฟันที่ได้ค่อนข้างคงที่มากกว่าการฟอกสีฟันที่คลินิก เนื่องจากใช้เวลาในการฟอกสีฟันนาน
  • สามารถทำซ้ำได้ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำเองที่บ้าน เพียงแค่ซื้อน้ำยาฟอกสีฟันจากคลินิกทันตกรรมมาเพิ่ม
  • ราคาถูกกว่าการฟอกสีฟันที่คลินิก

ข้อเสีย

  • ใช้เวลาในการฟอกสีฟันนาน เป็นเวลาหลายวัน เหมาะกับคนที่มีเวลาเพียงพอ

ข้อจำกัดของการฟอกสีฟัน

     

     การฟอกสีฟันเหมาะในคนที่มีสีของเนื้อฟันเหลือง หรือคล้ำเข้ม ที่เกิดจาก การดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีสี เช่น พวกชา กาแฟ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ แต่ในคนที่เป็นฟันตกกระ เป็นจุดด่างขาว น้ำตาล หรือคนที่มีฟันสีคล้ำ เทา ที่เกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด จะไม่แนะนำให้ทำการฟอกสีฟัน เนื่องจากการฟอกจะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร รวมถึงในคนที่สวมใส่ฟันปลอม สะพานฟัน ทำวีเนียร์ หรือ อุดฟันมาในบริเวณที่จะฟอกสีฟัน เนื่องจากไม่ใช่เนื้อฟันที่แท้จริง น้ำยาฟอกสีฟัน ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนสีตรงบริเวณนั้นได้

ฟอกสีฟันทำลายเนื้อฟันหรือไม่

     การฟอกสีฟันเป็นกระบวนการที่ใช้สารฟอกขาวจำพวกเปอร์ออกไซด์เข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีในชั้นเนื้อฟันให้เกิดการแตกตัว ฟันจึงมีความขาวสว่างขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำลายเนื้อฟัน เพราะฉะนั้นการฟอกสีฟันจะทำให้เนื้อฟันบางลง มีการกร่อนของเนื้อฟัน จึง ไม่เป็นความจริง และที่คนไข้เกิดอาการเสียวฟันระหว่างฟอกหรือหลังฟอกสีฟันไปแล้ว เกิดจากการดึงน้ำออกจากตัวฟัน ส่งผลให้เส้นประสาทอาจจะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ง่าย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองใน 2-3 วัน

วิธีการดูแล
หลังฟอกสีฟัน

        ฟอกสีฟันอยู่ได้นานไหม?? ฟันจะขาวขึ้นได้แค่ไหน?? เป็นคำถามที่พบได้บ่อยในคนที่สนใจการฟอกสีฟัน ซึ่งระดับความขาวขึ้นของฟันจากการฟอกสีฟันจะไม่เหมือนกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพเนื้อฟันของบุคคลนั้นว่ามีการตอบสนองต่อน้ำยาฟอกสีฟันแค่ไหน และจะสามารถคงความขาวได้ยาวนานแค่ไหนนั้น ก็อยู่ที่การดูแลรักษาหลังการฟอกสีฟัน โดยมีวีธีการ คือ

  • หลีกเลี่ยงอาหาร หรือ เครื่องดื่มที่มีสี เช่น ชา กาแฟ ไวน์ เครื่องแกงทั้งหลายประมาณ 1 อาทิตย์ รวมถึงควรงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดการสัมผัส และการติดสีที่ผิวฟันที่เราฟอก
  • ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้บ้วนน้ำ หรือแปรงฟัน ตามหลังการดื่มหรือรับประทานอาหาร รวมถึงใช้หลอดดูดในการดื่มเครื่องดื่ม ก็จะสามารถช่วยลดการติดสีที่ตัวฟันได้
  • แปรงฟัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟัน เพื่อลดการสะสมของคราบและสีบนตัวฟัน

      สำหรับที่คลินิกทันตกรรมอัลปาก้า เราใช้น้ำยาฟอกสีฟันยี่ห้อ POLA OFFICE สำหรับการฟอกที่คลินิก ซึ่งเป็นน้ำยาฟอกสีฟันที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย (ได้รับการรับรองจาก American Dental Association: ADA) โดยเลือกความเข้มข้นที่ 35% ร่วมกับเทคโลโนยี แสงเย็น (Cool light) เพื่อให้ฟันที่ได้หลังจากฟอกสีฟันมีความสว่าง ขาวมากขึ้น แต่ไม่ทำให้มีอาการเสียวฟันหลังการรักษา

     ส่วนการฟอกสีฟันที่บ้าน ทางคลินิกเลือกใช้ น้ำยาฟอกสีฟันยี่ห้อ Opalescence ซึ่งเป็นยี่ห้อที่นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเลือกความเข้มข้น 12-15%  เพื่อให้ฟันขาวขึ้นระหว่างการทำการรักษาในเวลา 7-10 วัน และไม่มีอาการเสียวฟันขณะใช้เลย

     ทั้งนี้การฟอกสีฟันทั้ง 2 แบบ อยู่ในการดูแลทันตแพทย์ที่มีความชำนาญ จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยในการทำอย่างแน่นอนค่ะ

ตัวอย่างการรักษาฟอกสีฟัน

Scroll to Top