ปวดแผลถอนฟันไม่หาย ทำอย่างไรดี

      อาการปวด บวม เจ็บบริเวณแผล ถือเป็นอาการข้างเคียงปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังถอนฟัน ซึ่งส่วนใหญ่อาจจะไม่มีมีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย โดยคนไข้สามารถรับประทานยาแก้ปวดทั่วไปที่ทันตแพทย์สั่งจ่ายให้ และอาการจะลด เบาลง จนหายเป็นปกติได้เองใน 2-3 วัน

      แต่ถ้าเกิดกรณีที่ หลังถอนฟันไปแล้ว ยังมีอาการปวดอยู่หละ ?? ปวดไม่หาย กินยาแก้ปวดแล้ว อาการก็ยังไม่เบาลง บางครั้งปวดลามขึ้นกระบอกตา ปวดลามไปขมับ แบบนี้ถือว่าปกติหรือไม่ ต้องกลับมาพบทันตแพทย์อีกครั้งมั้ย ??

      อาการแบบที่กล่าวมาข้างตัน เป็นอาการผิดปกติที่เกิดจากการอักเสบของกระดูกรอบๆบริเวณที่เราถอนฟันไป เรียกว่า กระดูกเบ้าฟันอักเสบ (Alveolar Osteitis , Dry socket) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกตำแหน่งซี่ฟันที่ถอนหรือผ่า และมักจะเกิดขึ้นได้บ่อยกับการถอนหรือผ่าบริเวณฟันคุด

สาเหตุของกระดูกเบ้าฟันอักเสบ

      ปกติหลังจากที่มีการถอนฟันหรือสูญเสียฟันไป จะเกิดกระบวนการหายของแผลโดยเริ่มจากการสร้างก้อนเลือดเข้ามาปิดเบ้ากระดูกและปลายประสาทบริเวณที่ถอนฟันออกมา จากนั้นจะเกิดการแทนที่ด้วยการสร้างเนื้อเยื่อและกระดูกใหม่ต่อ จนแผลปิดหายเป็นปกติ

      แต่ถ้าบริเวณกระดูกเบ้าฟันไม่สามารถสร้างก้อนเลือดมาปิดได้ หรือมีการหลุดไปของก้อนเลือด ก็จะทำให้บริเวณนั้นเกิดเป็นเบ้ากระดูกเปลือยเปล่า และปลายประสาทที่อยู่บริเวณกระดูกเบ้าฟันไม่ได้ถูกปกปิด จึงส่งผลให้เกิดอาการปวดมากกว่าปกติได้

อาการของกระดูกเบ้าฟันอักเสบ

      ปกติหลังการถอนฟันอาจจะมีอาการปวดขึ้นได้บ้างเล็กน้อย และจะเบาลง หายไปได้ใน 2-3 วัน แต่ถ้าเกิด ภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบขึ้น คนไข้จะมีอาการปวดที่มากกว่าปกติ ยาแก้ปวดไม่สามารถระงับอาการปวดที่เกิดขึ้นได้ ในบางรายอาจปวดลามไปถึง กระบอกตา ขมับ หู รู้สึกว่ามีกลิ่นปาก และอาจจะมีอาการเป็นไข้ร่วมด้วยได้ ซึ่งอาการเปล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่ 2-3 วัน ไปจนถึง 1 สัปดาห์หลังถอนหรือผ่าฟัน เพราะฉะนั้น แนะนำให้ลองสังเกตอาการกันดูนะคะ ถ้าหลังถอนหรือผ่าฟันไปแล้วเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น นำให้รีบกลับมาพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาค่ะ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระดูกเบ้าฟันอักเสบ

       กระดูกเบ้าฟันอักเสบถือเป็นอาการแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำการถอนฟัน หรือผ่าฟัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอีกหลายปัจจัยที่เสี่ยงและส่งเสริมให้เกิดภาวะนี้ได้มากยิ่งขึ้น

  • โรคประจำตัว : โรคประจำตัวบางโรค เช่น เบาหวาน ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีโอกาสที่จะเกิดภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบได้มากขึ้น เนื่องจากการหายของแผลจะไม่ค่อยดี และเกิดได้ช้ากว่าคนที่สุขภาพปกติ
  • อายุ : ยิ่งอายุมากขึ้น กระบวนการหายของแผลก็จะยิ่งช้าลง เพราะฉะนั้นในคนที่มีฟันคุด แนะนำให้รีบผ่าฟันคุดออก เพื่อลดโอกาสการเกิดภาวะนี้ได้
  • สูบบุหรี่ ยาสูบ : มีการศึกษาพบว่าบุคคลที่สูบหรี่มีโอกาสการเกิดภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบมากกว่าคนที่ไม่สูบ เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่และยาสูบ รบกวนการหายของแผล
  • การฉายรังสีรักษา : ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีรักษามีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะนี้ได้มากขึ้นเนื่องจาก มีเลือดมาหล่อเลี้ยงบริเวณแผลน้อยลง การหายของแผลก็จะเกิดได้ช้า
  • สุขภาพช่องปากไม่ดี : ในกลุ่มคนที่ดูแลสุขภาพช่องปากได้ไม่ดีเพียงพอ มีฟันผุ เป็นโรคปริทันต์อักเสบ หรือการถอนหรือผ่าฟันที่มีการผุติดเชื้อมานาน ทำให้บริเวณนั้นมีการสะสมของเชื้อโรคที่สูง ก็จะทำให้กระบวนการหายของแผลไม่ดีเช่นกัน
  • สุภาพสตรีที่ทานยาคุมกำเนิด : เนื่องจากในยาคุมกำเนิดจะมีฮอร์โมนบางตัว รบกวนการสร้างก้อนเลือดซึ่งเป็นกระบวนการเริ่มต้นของการหายของแผล ส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบมากขึ้น
  • ความยากและระยะเวลาที่ใช้ในการทำหัตถการ : ในกรณีที่ถอนฟันยาก แน่น หรือการผ่าฟันคุดในตำแหน่งลึกๆ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการทำหัตถการที่นานขึ้น เพิ่มโอกาสในบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเบ้ากระดูกฟันอักเสบมากขึ้น

การรักษากระดูกเบ้าฟันอักเสบ

     ในบุคคลที่มีอาการภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบหลังการถอนหรือผ่าฟันไป แนะนำให้กลับมาพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษา บรรเทาอาการปวด ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้นานขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและในบางรายอาจนำไปสู่การติดเชื้อบริเวณอื่นๆได้

     เมื่อมาพบทันตแพทย์ การรักษาจะทำโดยการล้างแผลด้วยน้ำเกลือให้สะอาด ชะล้างเศษอาหารที่ค้างอยู่ออก จากนั้นจะใส่ยาลงไปในกระดูกเบ้าฟันเพื่อบรรเทาอาการปวด ควบคู่ไปกับการจ่ายยาแก้ปวดให้คนไข้กลับไปรับประทาน หลังจากนั้น จะมีการนัดติดตามอาการและล้างทำความสะอาดเอายาที่ใส่ไว้ในกระดูกเบ้าฟันออกภายใน 2-3 วัน เพราะฉะนั้น แนะนำให้กลับมาตามนัดทันตแพทย์อีกครั้งเพื่อนำยาที่ใส่ไว้ออก หากไม่มาตามนัดหรือทิ้งยาค้างไว้ในกระดูกเบ้าฟันนานเกินไป อาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามตามมาได้ค่ะ

การป้องกันการเกิดกระดูกเบ้าฟันอักเสบ

  1. หลังถอนหรือผ่าฟัน แนะนำให้กัดผ้าก๊อซ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดหยุดไหล เกิดการแข็งตัวเป็นก้อนเลือด ห้ามอมหรือบ้วนเลือดน้ำลายทิ้ง
  2. หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ หรือการบ้วนน้ำแรงๆ ประมาณ 7 วันหลังทำหัตถการ เพราะจะทำให้ก้อนเลือดหลุดออกมาได้
  3. งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังทำหัตถการอย่างน้อย 7 วัน เพื่อลดโอกาสการเกิดภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบ
  4. หลีกเลี่ยง อาหารแข็งเหนียว รสจัด หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อไม่ให้รบกวนกระบวนการหายของแผล
  5. หลีกเลี่ยงการล้วง แคะ แผลถอนฟันหรือผ่าฟัน เพราะจะทำให้ก้อนเลือดหลุดออกมาและเกิดอาการปวดขึ้นได้
  6. ทำความสะอาดช่องปากสม่ำเสมอ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน และตรวจสุขภาพฟันพบทันตแพทย์ ทุก 6 เดือน

     จะเห็นว่า ภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบ เป็นอาการแทกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆมากมายที่เกี่ยวข้อง แต่ก็สามารถป้องกันได้เบื้องต้นด้วยตนเอง ทั้งก่อนและหลังทำหัตการ อย่างไรก็ดี ยังคงแนะนำให้คนไข้กลับมาพบทันตแพทย์ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ควรให้ทันตแพทย์ตรวจประเมินและทำการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการลุกลามที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ

Scroll to Top